วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การออกแบบการจัดการเรียนรู้

การออกแบบการจัดการเรียนรู้
               
           การจัดการเรียนรู้เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์  ดังนั้นผู้สอนควรพิจารณาเลือกใช้เทคนิคกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม  เลือกใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ที่จะช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน  และใช้วิธีการวัดผลประเมินผลที่หลากหลาย  ทั้งนี้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพของแต่ละคน  และสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้

กระบวนการจัดการเรียนรู้
                1.  กำหนดจุดประสงค์และสาระสำคัญของแผนการจัดการเรียนรู้
                2.  วิเคราะห์จุดประสงค์ สื่อและสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งศักยภาพของผู้เรียนและผู้สอน
                3.  ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์
                4.  ออกแบบปฏิสัมพันธ์ในแต่ละกิจกรรมการเรียนรู้  โดยเลือกใช้กระบวนการกลุ่มที่เหมาะสมกับกิจกรรมนั้น ๆ
                5.  เตรียมใบช่วยสอน สื่อ/อุปกรณ์  และแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ
                6.  ออกแบบการประเมินผลและเครื่องมือ
                7.  จัดการเรียนรู้และบันทึกผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
                8.  ปรับปรุงและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้

องค์ประกอบการเรียนรู้
                เป็นโครงสร้างของกระบวนการเรียนรู้  ที่จะช่วยให้ผู้เรียนทุกคนบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตามศักยภาพ  ซึ่งจากการวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญรูปแบบต่าง ๆ พบว่ามีโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน 4 องค์ประกอบ คือ
                1.  การแลกเปลี่ยนประสบการณ์
                2.  การสร้างความรู้ร่วมกัน
                3.  การนำเสนอความรู้
                4.  การประยุกต์ใช้หรือลงมือปฏิบัติ
                1.  การแลกเปลี่ยนประสบการณ์
                เป็นองค์ประกอบที่ผู้สอนพยายามกระตุ้นให้ผู้เรียนดึงประสบการณ์เดิมของตนมาเชื่อมโยง หรืออธิบายประสบการณ์หรือเหตุการณ์ใหม่  แล้วนำไปสู่การขบคิดเพื่อเกิดข้อสรุปหรือความรู้ใหม่  และแบ่งเป็นประสบการณ์ของตนเองกับผู้อื่นที่อาจมีประสบการณ์เหมือนหรือต่างจากตนเอง  เป็นการรวบรวมมวลประสบการณ์ที่หลากหลายจากแต่ละคนเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ร่วมกัน
                องค์ประกอบนี้ทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เรียนและผู้สอน ดังนี้
                ผู้เรียน  รู้สึกว่าตนมีความสำคัญเพราะได้มีส่วนร่วมในฐานะสมาชิก  มีผู้ฟังเรื่องราวของตนเองและได้รับรู้เรื่องราวของคนอื่น  นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์แล้วยังทำให้สัมพันธภาพในกลุ่มผู้เรียนเป็นไปด้วยดี
                ผู้สอน  ไม่เสียเวลาในการอธิบายหรือยกตัวอย่าง  เพียงแต่ใช้เวลาเล็กน้อยในการกระตุ้นให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน  และยังช่วยให้ผู้สอนได้ทราบถึงความรู้พื้นฐานและประสบการณ์เดิมของผู้เรียน  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่อไป
                ในกรณีที่ผู้เรียนไม่มีประสบการณ์ในเรื่องที่สอนหรือมีน้อย  ผู้สอนอาจต้องจัดประสบการณ์ให้  ซึ่ง ทำได้ทั้งทางตรง เช่น การนำตัวอย่างของจริงมาให้ผู้เรียนได้สัมผัสเพื่อสังเกตความแตกต่าง และทางอ้อม เช่น การเล่าประสบการณ์ชีวิตจากเรื่องที่ไม่สามารถจัดประสบการณ์ตรงให้ผู้เรียน ได้
                กิจกรรมในองค์ประกอบนี้เป็นไปได้ 2 ลักษณะ คือ การตั้งคำถามเพื่อให้ได้คำตอบที่มาจากประสบการณ์หลากหลายของผู้เรียน  และการจัดประสบการณ์ที่จำเป็นให้ผู้เรียนเพื่อความเข้าใจหรือกระตุ้นให้เกิดการคิด  โดยมีจุดเน้นสำหรับจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละด้านดังนี้
                ด้านความรู้  เป็นประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่จะสอน
                ด้านเจตคติ  เป็นการจัดประสบการณ์ด้านอารมณ์ความรู้สึกให้ผู้เรียน  เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกสอดคล้องกับจุดประสงค์  และนำไปสู่การสะท้อนความคิดเห็นและอภิปรายเกี่ยวกับความคิดความเชื่อต่อไป
                ด้านทักษะ  เป็นการให้ผู้เรียนได้ทดลองทำทักษะนั้น ๆ ตามประสบการณ์เดิมหรือสาธิตการทำทักษะเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจชัดเจน

                2.  การสร้างความรู้ร่วมกัน
                เป็นองค์ประกอบที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้คิด  วิเคราะห์  สังเคราะห์  สร้างสรรค์มวลประสบการณ์ข้อมูล  ความคิดเห็น  ฯลฯ  เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถ่องแท้ชัดเจน  หรือเกิดข้อสรุป/ความรู้ใหม่หรือตรวจสอบ/ปรับ/เปลี่ยนความคิดความเชื่อของตนเอง
                กิจกรรมในองค์ประกอบนี้  เป็น กิจกรรมกลุ่มที่เน้นการตั้งประเด็นให้ผู้เรียนได้คิดสะท้อนความคิดหรือบอก ความคิดเห็นของตนเองให้ผู้อื่นรับรู้และได้อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดระหว่าง กันอย่างลึกซึ้ง  จนเกิดความเข้าใจชัดเจนได้ข้อสรุปหรือความรู้ใหม่หรือเกิด/ปรับ/เปลี่ยนความคิดความเชื่อตามจุดประสงค์ที่กำหนด  โดยมีจุดเน้นสำหรับจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละด้าน ดังนี้
                ด้านความรู้  ตั้งประเด็นให้อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  เพื่อสรุปความรู้ใหม่ที่ได้ผ่านกระบวนการคิด  วิเคราะห์  สังเคราะห์  นำไปสู่การเกิดความคิดรวบยอดในเรื่องนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น การสรุปสาระสำคัญ  การวิเคราะห์  กรณีศึกษา  การวิเคราะห์เปรียบเทียบ  การวิเคราะห์แยกประเภทหรือจัดกลุ่มการวิเคราะห์ประเด็นความรู้เพื่อหาข้อสรุปและนำไปสู่ความคิดรวบยอด ฯลฯ
                ด้านเจตคติ  ตั้งประเด็นอภิปรายที่ท้าทาย  กระตุ้นให้เกิดการคิดหลากหลาย เน้นในเรื่องคุณค่าอารมณ์ความรู้สึก  ความคิดความเชื่อ  มีความสอดคล้องกับความรู้สึกของผู้เรียนและนำไปสู่จุดประสงค์ที่ต้องการ  ข้อสรุปจากการอภิปรายและความคิดรวบยอดที่ได้จะสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่กำหนด
                ด้านทักษะ  ตั้งประเด็นให้อภิปรายโต้แย้งกันในเรื่องขั้นตอนการลงมือทำทักษะ  เพื่อให้เกิดความเข้าใจถ่องแท้ในแนวทางปฏิบัติทักษะนั้น และเกิดความมั่นใจก่อนจะได้ลงมือฝึกปฏิบัติจนชำนาญ

                3.  การนำเสนอความรู้
                เป็นองค์ประกอบที่เน้นให้ผู้เรียนได้รับข้อมูลความรู้  แนวคิด  ทฤษฎี  หลักการ  ขั้นตอน  หรือข้อสรุปต่าง ๆ โดยครูเป็นผู้จัดให้เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการสร้างความรู้ใหม่หรือช่วยให้การเรียนรู้บรรลุจุดประสงค์
                กิจกรรมในองค์ประกอบนี้ ได้แก่
                -  การให้แนวคิด ทฤษฎี  หลักการ  ข้อมูลความรู้  ขั้นตอนทักษะ  ซึ่งทำได้โดยการบรรยาย  ดูวีดีทัศน์  ฟังแถบเสียง  อ่านเอกสาร/ใบความรู้/ตำรา  ฯลฯ
                -  การรวบรวมประสบการณ์ของผู้เรียนที่เป็นผลให้เกิดการเรียนรู้เนื้อหาสาระเพิ่มขึ้น
                -  ความคิดรวบยอดที่ได้จากการรวบรวมข้อสรุปของการสะท้อนความคิดและอภิปรายประเด็นที่ได้มอบหมายให้
                กิจกรรมเหล่านี้ควรทำเป็นขั้นตอนและประสานกับองค์ประกอบการเรียนรู้อื่น ๆ โดยมีจุดเน้นสำหรับจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละด้าน ดังนี้
                ด้านความรู้  ผู้เรียนเกิดความรู้ในเนื้อหาสาระ  ข้อมูลความรู้อย่างชัดเจน
                ด้านเจตคติ  ผู้เรียนเกิดความรู้สึกและความคิดความเชื่อที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่กำหนดให้
                ด้านทักษะ  ผู้เรียนรับรู้แนวทางปฏิบัติตามขั้นตอนของทักษะนั้น ๆ อย่างชัดเจน

                4.  การประยุกต์ใช้หรือลงมือปฏิบัติ
                เป็นองค์ประกอบที่ผู้เรียนได้นำความคิดรวบรวมหรือข้อสรุป  หรือความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นไปประยุกต์หรือทดลองใช้  หรือเป็นการแสดงผลสำเร็จของการเรียนรู้ในองค์ประกอบนั้น ๆ ซึ่งผู้สอนสามารถใช้กิจกรรมในองค์ประกอบนี้ในการประเมินผลการเรียนรู้  เมื่อ พิจารณาให้ดีจะเห็นว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ รู้จักการนำไปใช้ในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่เรียนรู้เท่านั้น
                จุดเน้นของกิจกรรมในองค์ประกอบนี้สำหรับจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละด้าน  มีดังนี้
                ด้านความรู้  เป็นการผลิตซ้ำความคิดรวบยอดในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สร้างคำขวัญ  ทำแผนภาพ  จัดนิทรรศการ  เขียนเรียงความ  ทำรายงานสรุปสาระสำคัญ  ทำตารางวิเคราะห์/เปรียบเทียบ ฯลฯ
                ด้านเจตคติ  เป็นการแสดงออกที่สอดคล้องกับเจตคติที่เป็นจุดประสงค์การเรียนรู้  เช่น  เขียนจดหมายให้กำลังใจผู้ติดเชื้อเอดส์  สร้างคำขวัญรณรงค์รักษาความสะอาดในโรงเรียน ฯลฯ
                ด้านทักษะ  เป็นการลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนทักษะที่ได้เรียนรู้

                การนำองค์ประกอบทั้ง 4  มาจัดกิจกรรมการเรียนรู้  จะใช้องค์ประกอบใดก่อนหลังหรือใช้องค์ประกอบใดกี่ครั้งในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้  สามารถออกแบบตามความเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนด  แต่จำเป็นต้องให้มีครบทั้ง 4 องค์ประกอบ ในแต่ละองค์ประกอบสามารถออกแบบกิจกรรมและปฏิสัมพันธ์ดังที่จะกล่าวต่อไป

การออกแบบกิจกรรม
                มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนทำกิจกรรมได้ตรงตามความต้องการของผู้สอน  และเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
                หลักการในการออกแบบกิจกรรม  มีดังนี้
                1.  จัดกิจกรรมให้ครบ 4 องค์ประกอบ การเรียนรู้แต่ละกิจกรรมควรมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันเพื่อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน
                2.  กำหนดกิจกรรมที่ชัดเจนว่าจะให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มอย่างไร  เพื่อทำอะไร  ใช้เวลามากน้อยแค่ไหน  โดยจัดเวลาให้เหมาะสมตามความสำคัญของแต่ละองค์ประกอบการเรียนรู้  เมื่อทำงานเสร็จแล้วให้ทำอะไรต่อ เช่น ส่งตัวแทนนำเสนอผลงาน  นำผลงานไปติดบอร์ดให้สมาชิกทั้งชั้นได้อ่าน ฯลฯ
                3.  กำหนดบทบาทของกลุ่มและสมาชิกแต่ละคนให้ชัดเจน  โดยทั่วไปควรให้แต่ละกลุ่มมีบทบาทที่ต่างกัน  เมื่อนำมารวมกันในชั้นจะเกิดการขยายการเรียนรู้  ไม่ซ้ำซ้อนน่าเบื้อและใช้เวลาน้อยลง  โดยเฉพาะการทำกิจกรรมที่จะต้องมีการจัดสรรบทบาทสมาชิก  ควรกำหนดบทบาทสมาชิกให้ชัดเจน เช่น เป็นผู้เล่นบาทบาทสมมติ  เป็นผู้สังเกตการณ์  เป็นตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานในชั้น  ฯลฯ
                4.  กำหนดโครงสร้างของงานที่ชัดเจน  บอกรายละเอียดของกิจกรรม  บทบาทสมาชิกในกลุ่มกรอบการทำงานที่เป็นรูปธรรม  กำหนดเวลาทำงานในกลุ่มและเวลาในการนำเสนอ  ตลอด จนสิ่งอื่น ๆ ที่จะช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เช่น ตารางนำเสนอผลงานกลุ่มตารางวิเคราะห์ผลการอภิปรายกลุ่มแผนภูมิก้างปลา ฯลฯ
                โครงสร้างของงานนี้สามารถออกแบบจัดทำเป็นใบกิจกรรมแจ้งแก่ผู้เรียนหรือเขียนลงแผ่นโปรงใสฉายขึ้นจอ  เป็นต้น

การออกแบบปฏิสัมพันธ์
                จากผลการวิจัยกระบวนการเรียนรู้แบบเดิมที่เน้นครูเป็นศิษย์กลางพบว่า  มีผลต่อผู้เรียนดังนี้
                1.  ผู้เรียนขาดประสิทธิภาพในการทำงานกลุ่ม  ขาดทักษะในการวางแผนการอภิปราย  การคิดและตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
                2.  การเน้นครูเป็นศูนย์กลาง  ครูใช้วิธีสอนแบบเดียวกันกับผู้เรียนทั้งชั้น  ซึ่งมีความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน  ทำให้ผู้เรียนบางคนไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จทางการเรียนได้  เพราะคนเก่งจะเรียนรู้ได้ดีกว่า  คนที่ไม่เก่งอาจถูกละเลยไป
                3.  ผู้เรียนส่วนใหญ่จะบรรลุจุดมุ่งหมายเฉพาะตน  ก่อให้เกิดการแข่งขันเป็นรายบุคคล  ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนร่วม  ขาดความร่วมมือ  ขาดความรักและสามัคคีในหมู่คณะ  ทำให้เป็นคนที่ไม่รู้จักการเสียสละและเห็นแก่ตัวในที่สุด
                การออกแบบปฏิสัมพันธ์ในกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  จึงเป็นการจัดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากกลุ่มให้มากที่สุด  แทนการฟังบรรยายอย่างเดียว  เนื่องจากข้อค้นพบจากงานวิจัยต่าง ๆ ในเรื่องการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มพบว่า
                1.  ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น  มีความสามารถและมีการพัฒนาทักษะต่าง ๆ มากขึ้นเพราะกลุ่มเป็นที่รวมของประสบการณ์ของคนหลายคน  มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  หาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันนอกจากนี้กลุ่มยังเป็นแรงจูงใจซึ่งกันและกัน  ส่งผลให้ทำงานประสบผลสำเร็จมากขึ้น
                2.  ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจริยธรรม  กล้าแสดงความคิดเห็น  ฝึกตัดสินใจและแก้ปัญหา  รู้จักวางแผน  มีวินัย  มีความรับผิดชอบ  รู้จักเป็นผู้นำ/ผู้ตาม  ปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตยตลอดจนเรียนรู้ค่านิยมที่ดีระหว่างผู้เรียน  ความเห็นอกเห็นใจ  การช่วยเหลือและการยอมรับซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยก
                3.  ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข  เพราะการมีปฏิสัมพันธ์และการได้ลงมือคิดเองทำเอง  ทำให้การเรียนรู้ต่าง ๆ เป็นไปด้วยความสนุกสนาน  มีชีวิตชีวา  มีความซาบซึ้ง  จดจำได้นาน  ออกจากนี้ยังเป็นการฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการเข้าสังคม
                โดยภาพรวมแล้วการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มจะช่วยปลูกฝังความใฝ่รู้และความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองแก่ผู้เรียน
                การเลือกประเภทของกลุ่มให้เหมาะสมกับแต่ละกิจกรมการเรียนรู้  จึงช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ในกลุ่มเกิดขึ้นอย่างเต็มที่  เมื่อรวมกับการออกแบบกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนทำงานได้บรรลุวัตถุประสงค์มากที่สุด  จึงทำให้ผู้เรียนทุกคนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ  เต็มตามศักยภาพของแต่ละคน
                หลักการออกแบบปฏิสัมพันธ์  มีข้อพิจารณาดังนี้
                1.  ความยากง่ายในการมีส่วนร่วมและปฏิสัมพันธ์  กลุ่มยิ่งเล็ก  การมีส่วนร่วมและปฏิสัมพันธ์จะยิ่งง่ายขึ้น  ดังนั้นกลุ่ม 2 คน จะมีปฏิสัมพันธ์ได้มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ
                2.  ความลึกซึ้งของการแสดงความคิดเห็น  กลุ่มที่มีสมาชิกมากกว่าจะสามารถทำงานได้ด้วยความคิดที่ลึกซึ้งและหลากหลายมากกว่า  ดังนั้น 5-6 คน จึงทำงานได้ลึกซึ้งสมบูรณ์กว่ากลุ่มที่มีสมาชิกน้อยกว่า
                จากการวิจัย  พบว่ากลุ่มที่มีสมาชิกเกินกว่า 6 คน จะทำให้การมีส่วนร่วมและปฏิสัมพันธ์ลดลงเนื่องจากมักจะแตกเป็นกลุ่มย่อย ๆ อีกทีหนึ่งแทนที่จะปฏิสัมพันธ์กันทั้งกลุ่ม
                3.  การกำหนดบทบาทของผู้เรียนในการทำงานกิจกรรมชนิดต่าง ๆ กิจกรรมบางประเภทไม่จำเป็นต้องกำหนดบทบาทสมาชิกที่ชัดเจน  ขณะที่กิจกรรมบางประเภทต้องกำหนดบทบาทของสมาชิกกลุ่ม  จึงควรเลือกชนิดของกลุ่มที่เหมาะสมกับกิจกรรมนั้น ๆ ได้แก่
3.1  กลุ่มที่ไม่มีการกำหนดบทบาทสมาชิก  ได้แก่  กลุ่ม 2 คน  กลุ่ม 3-4 คน  กลุ่มใหญ่คือทั้งชั้น
3.2  กลุ่มที่มีการกำหนดบทบาทสมาชิก ได้แก่  กลุ่ม 3 คน  กลุ่ม 5-6  คน  และกลุ่มนอกเหนือจากนี้  ซึ่งสามารถกำหนดได้ตามความเหมาะสมของกิจกรรมแต่ละประเภท
ตัวอย่าง เช่น
กลุ่ม 3 คน  ฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาวอลเลย์บอล  กำหนดสถานการณ์ 3 สถานการณ์
                สถานการณ์ที่ 1                    .  เป็นผู้เสริฟ
                                                                .  เป็นผู้รับ
                                                                .  เป็นผู้สังเกตและประเมิน ก.  .
                สถานการณ์ที่ 2 และ 3        หมุนเวียนกันเพื่อให้แต่ละคนทำหน้าที่ครบ
ทั้ง 3 บทบาท
 








                                3.3  กลุ่มใหญ่ทั้งชั้น  จัดเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน  มักใช้ในกิจกรรมที่ต้องการให้มีส่วนร่วมพร้อมกันทั้งนั้น เช่น การบรรยายให้หลักการ/แนวคิด/ทฤษฎี  การรายงานผล  การอภิปรายกลุ่ม  การดูสื่อ  ฟังกรณีศึกษา  การรวบรวมประสบการณ์ ฯลฯ

กิจกรรมเสนอแนะ
                เป็นกิจกรรมที่เสนอแนะไว้เป็นทางเลือก  เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเรียนที่แตกต่างกัน  และยังเป็นกิจกรรมที่เสนอไว้สำหรับทำต่อเนื่อง  นอกเหนือไปจากชั่งโมงการเรียนรู้ เช่น อาจแจกงานให้นักเรียนทำนอกเวลาเรียนแล้วส่งเป็นผลงาน  ใช้จัดทำเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร  เป็นต้น  นอกจากนี้อาจเป็นกิจกรรมที่เสนอแนะเปิดกว้างให้ผู้เรียนเลือกทำตามความสนใจและความถนัดได้ด้วย
                ตัวอย่างกิจกรรมเสนอแนะ
                -  การสรุปผลงานที่เกิดในชั่วโมงการเรียนรู้นำมาติดบอร์ด
                -  หนังสืออ่านเพิ่มเติมนอกเวลา
                -  ทัศนศึกษาสถานที่ในประวัติศาสตร์
                -  ตัดข่าวที่น่าสนใจนำมาสรุปให้เพื่อนฟังในชั่วโมงโฮมรูม
                                ฯลฯ

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. 2546. ชุดฝึกอบรมการปรับกระบวนทัศน์และพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา.กรุงเทพฯ : องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
http://www.lbtech.ac.th/downloads/T50/D1.doc

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น